หาเป็นเห็นกำไร แนวรับ แนวต้าน คืออะไร ?
เห็นเหล่ากูรูพูดถึงกันบ่อย ๆ และกูรูแต่ละคนทำไมมีวิธีหาแนวรับแนวต้านไม่เหมือนกัน บทความนี้จะตีแผ่ทุกแนวรับแนวต้านที่เทรดเดอร์ต้องรู้ เพราะแนวรับแนวต้าน ไม่ใช่เพียงจะพูดให้ดูดีและหวานหู แต่ต้องหาได้และใช้เป็น
หลายคนมองว่า การหาแนวรับแนวต้านมีมากมายหลายรูปแบบ ไม่มีใครที่จะสามารถหาแนวรับแนวต้านได้เหมือนกัน 100% คำกล่าวนี้ไม่ผิด แต่รู้หรือไม่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่จะทำให้ สามารถหาแนวรับแนวต้านที่มีนัยสำคัญได้ นั่นก็คือจะต้องมีเหตุผลเข้ามารองรับ ไม่ใช่เพียงตีเส้นให้สวย ๆ แต่ไม่รู้ว่าจะใช้อย่างไรเท่านั้น
การหาแนวรับแนวต้าน มีด้วยกันหลายวิธี แต่หลัก ๆ ที่ใช้ได้ผลดีมีดังนี้
1. แนวรับแนวต้าน จุดที่มีการทดสอบของราคาหรือมีการกลับมาทดสอบในบริเวณนั้นบ่อย ๆ จุดนั้นแสดงว่า มีเทรดเดอร์รอซื้อหรือขายอยู่เป็นจำนวนมาก หรือรายใหญ่กำลังเก็บออเดอร์ในราคาเดียวกันในบริเวณนั้น ดังนั้นจุดไหนที่มีการทดสอบของราคาบ่อย ๆ มากกว่าสามครั้งขึ้นไป นับว่าเป็นแนวรับ
2. แนวรับแนวต้าน จุดต่ำสุดหรือจุดสูงสุด เป็นจุดที่ราคาไม่สามารถผ่านไปได้ อาจจะเป็นจุดใหม่ที่ยังไม่เคยมีราคาไปถึงมาก่อนแล้วเกิดการกลับตัวของกราฟ นั่นแสดงว่าบริเวณนั้นมีรายใหญ่รอซื้อหรือขายอยู่ เพราะถ้าเม็ดเงินไม่มากพอ จะไม่สามารถเปลี่ยนทิศทางของกราฟได้ แสดงให้เห็นว่าบริเวณนั้น มีนัยสำคัญพอสมควรที่ไม่อาจคาดเดาได้เลย ดังนั้นเทรดเดอร์ควรระวังให้มาก กราฟอาจจะทำการกลับตัวในแนวโน้มใหญ่ หรือเกิดการทดสอบราคาซ้ำ ๆ เกิดเป็นไซด์เวย์แล้วไปต่อก็เป็นไปได้ นับว่ามีนัยสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว
3. แนวรับแนวต้าน จิตวิทยา จุดที่มีตัวเลขกลม ๆ ที่ควรระวัง เช่น กราฟ EUR/USD อยู่ที่ 1.70000 ไม่ว่าเลขท้ายเป็นเลขอะไร สังเกตุง่าย ๆ 2 หรือ 3 ตัวท้ายเป็นเลขกลม ๆ บริเวณนั้นก็ควรที่จะระมัดระวังให้มาก เพราะอาจจะมีเทรดเดอร์รอซื้อหรือรอขายอยู่ก็เป็นได้ แต่เทรดเดอร์ที่รอซื้อหรือขายบริเวณนี้ อาจจะเป็นการซื้อขายด้วยระบบ AI หรือ EA ของรายใหญ่ เพราะนักลงทุนรายใหญ่ระดับกองทุน คงไม่มีใครที่จะใช้คนมานั่งเปิดปิดออเดอร์ด้วยมือแน่ แต่จะใช้โปรแกรมอัตโนมัติในการเปิดปิดออเดอร์แทน
ดังนั้นสิ่งที่ง่ายต่อการคีย์ข้อมูลนั่นก็คือการใช้เลขกลม ๆ จุดที่เป็นเลขสวย ๆ อาจจะเป็นแนวรับแนวต้านจิตวิทยาที่มีนัยสำคัญ เทรดเดอร์ควรระวังเพราะอาจจะมีแรงซื้อหรือแรงขายตีกลับมาอย่างรวดเร็ว
อีกองค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้แนวรับแนวต้านมีนัยสำคัญมากยิ่งขึ้น เทรดเดอร์หลายคนเทรดเพียงไทม์เฟรมเดียว ในความเป็นจริงแล้ว ในตลาดมีนักลงทุนทั้ง สั้น กลาง ยาว ดังนั้นการเปิดปิดออเดอร์ และปริมาณเงินในการเข้าเทรดแต่ละครั้งจึงมีความแตกต่างกัน ในไทม์เฟรมเล็ก ๆ มีแนวรับแนวต้านเกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลา บางจุดก็ไม่มีนัยสำคัญอะไร ถ้าวิเคราะห์แค่เพียงไทม์เฟรมเล็ก ๆ อย่างเดียว อาจจะมองไม่เห็นแนวรับแนวต้านในไทม์เฟรมใหญ่ ส่งผลให้ตัดสินใจผิดพลาดไม่ว่าจะซื้อหรือขายในจุดที่ไม่ควรเข้า
แนวรับแนวต้านที่มีนัยสำคัญ หรือจะเรียกให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ เป็นแนวรับแนวต้านที่แข็งแกร่งที่สุด ราคาไม่สามารถที่จะผ่านไปได้ง่าย ๆ นั่นก็คือ แนวรับแนวต้านในไทม์เฟรมใหญ่ เพราะนั่นหมายความว่าเป็นจุดที่เทรดเดอร์ทั้งตลาดเห็นพ้องต้องกันว่า เป็นจุดที่ราคาสูงหรือต่ำที่สุด นั่นก็คือเป็นมุมมองของเทรดเดอร์ส่วนมาก เทรดในทางเดียวกับคนหมู่มากยังไงก็ปลอดภัยกว่า จึงทำให้แนวรับแนวต้านในไทม์เฟรมใหญ่ มีนัยสำคัญกว่า วิธีการใช้แนวรับแนวต้าน คงไม่มีเทรดเดอร์คนไหนที่จะใช้เพียงแนวรับแนวต้าน ในการเข้าออเดอร์เพียงอย่างเดียว แน่นอนว่าจะต้องใช้ประกอบกับกลยุทธ์อื่น ๆ เช่นเดียวกัน เช่น อินดิเคเตอร์ส่งสัญญาณให้ทำการเข้าซื้อ และบริเวณนั้นมีแนวรับที่มีนัยสำคัญอยู่ จึงทำให้เทรดเดอร์มั่นใจได้ว่าเป็นจุดที่ราคาอาจจะมีการกลับตัวขึ้นอย่างแน่นอน เมื่อองค์ประกอบทุกอย่างครบจึงหาจังหวะในการเข้าซื้อ
แนวรับแนวต้าน ไม่ใช่เพียงแต่จุดที่เอาไว้ตีเส้นเท่านั้น สิ่งหนึ่งที่เทรดเดอร์ควรคำนึงถึงบ่อย ๆ นั่นก็คือ จุดไหนบ้างที่ต้องเฝ้าระวัง ไม่ว่าจะเป็นการปิดออเดอร์เพื่อทำกำไร เมื่อพบแนวรับแนวต้านไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็ตาม คิดว่าราคาไม่น่าจะผ่านไปได้ก็ทำการปิดออเดอร์เพื่อทำกำไรเสีย ดีกว่าราคากลับตัวแล้วติดลบในที่สุด หรือแม้แต่การหาจุดเข้าไม่ว่ากลยุทธ์ใด ก็ควรใช้แนวรับแนวต้านวิเคราะห์ร่วมด้วยเสมอ เพราะถ้าเทรดเดอร์ ซื้อที่แนวรับ ขายที่แนวต้าน ไม่ว่าจะซื้อหรือขายก็จะได้เปรียบกว่าการที่ ไปขายที่แนวรับ และไปซื้อที่แนวต้าน ดังนั้น การหาแนวรับแนวต้านจึงอาศัยทั้งทักษะและประสบการณ์ โดยที่อ้างอิงจากหลักการณ์ที่มี จึงจะเป็นจุดที่มีความปลอดภัยสูงสุด
