เทรดเดอร์มือใหม่ส่วนใหญ่เมื่อเข้ามาในตลาด ก็มักอยากจะรวยเร็ว เอาเงินร้อยไปแลกเงินล้าน หาสูตรเด็ด สูตรลัด หาวิธีเทรดยังไงให้แม่น หา Holy grail จอกศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีอยู่จริง ติดตามกูรูทั้งหลายใน social ทั้งๆ ยังไม่เคยเห็นพอร์ตจริงๆหรือ Myfxbook (หากมีและกูรูคนนั้นทำกำไรได้จริง ก็ควรศึกษาจากเขา) พอล้มเหลวก็หาที่พึ่งใหม่ทันที
ซึ่งการทำแบบนี้มันไม่ได้ก่อให้เกิดการพัฒนาทักษะการเทรดขึ้นมาอย่างแท้จริง แถมยังต้องเสียเวลา เสียเงินไปอีก
วันนี้ผมเลยมาแนะนำแผนการ 5 ปีสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ให้ก้าวเข้าสู่มืออาชีพ
แผน 5 ปีสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่เพื่อก้าวสู่มืออาชีพ
ปีที่ 1 หาเป้าหมายของการเป็นเทรดเดอร์ และ เรียนรู้ตลาด
เมื่อเข้ามาในตลาด forex ใหม่ๆ เราควรตอบตัวเองให้ได้ว่าเข้ามาทำไม อยากได้อะไรจากตลาด เป้าหมายในอนาคตที่อยากสำเร็จในเส้นทางนี้จะทำให้สำเร็จเมื่อไหร่ และ เราจะทำอย่างไรให้ไปถึงตรงนั้นให้ได้
พอเริ่มพอรู้จักตัวเองแล้ว ก็เริ่มศึกษาหากลยุทธ์ หา System trading และศึกษาการบริหารเงินทุน ช่วงนี้คงต้องลองและทดสอบระบบหลายอย่าง เพื่อหาจริตการเทรดของตัวเราเอง และพอศึกษาละทดลองมาเยอะมากพอ เราจะสามารถสร้างระบบเทรดของตัวเอง
ช่วงนี้เป็นช่วงเรียนรู้และค้นหาตัวเอง พัฒนาระบบให้เข้ากับตัวเอง ศึกษาหาความรู้อย่างหนัก
ปีที่ 2 อยู่รอดในตลาด ไม่ล้างพอร์ต
ช่วงนี้เป็นช่วงที่เราได้ระบบเทรดของเราแล้ว ต่อไปเราก็จะต้องมาหาวิธีรักษาพอร์ตของตัวเอง ให้สามารถอยู่รอดในตลาด ไม่ล้างพอร์ต มีแผนการเทรดที่ชัดเจน รู้ว่าระบบเรามี Worst-case scenario (หนทางที่แย่ที่สุด)เท่าไหร่ ใช้เวลาแค่ไหนที่จะสามารถกู้คืนเงินที่เสียไปได้
รู้ค่าต่างๆของระบบเทรด และอาจจะมีหลายกลยุทธ์ที่ใช้เทรดในแต่ละพอร์ตหรือแต่ละสภาวะของตลาด
เมื่อเรายังมีทุนอยู่ สามารถรักษาพอร์ตให้อยู่รอดได้ในระยะยาว เราจะมีแต้มต่อเพื่อเดิมพัน ไม่ถูกบีบให้ออกจากตลาดไปครับ
และช่วงนี้ก็เริ่มตระหนักของความสำคัญของจิตวิทยาการเทรด จึงเริ่มศึกษาไปด้วย เพื่อตัดอคติการวิเคราะห์ต่างๆออกไป และมองภาพอย่างเป็นกลาง
ปีที่ 3 – 4 ทำกำไรอย่างสม่ำเสมอ
หลังจากผ่านช่วงสองปีแรกมาได้ เราได้ก้าวมาครึ่งหนึ่งแล้วครับสำหรับการเปลี่ยนตัวเองจากเทรดเดอร์มือใหม่เข้ามาสู่มือาชีพ เพราะส่วนใหญ่เทรดเดอร์มือใหม่ 90% ต้องออกจากตลาดไปตั้งแต่ 2 ปีแรกแล้วครับ เราผ่านจุดนั้นมาแล้ว ระบบเราจะนิ่งพอควร เพราะเราเทรดด้วยแผนการเทรด ไม่ใช่อารมณ์การเทรด
หลังจากนี้ไป เราจะเริ่มทำกำไรสม่ำเสมอได้และรักษาการเติบโตของพอร์ตครับ ช่วงนี้เราจะเริ่มเทรดง่าย มองกราฟก็รู้ว่ากราฟมีโอกาสจะไปทางไหนมากกว่ากัน มีความเชี่ยวชาญในตัวสินค้าที่ทำการเทรด
ช่วงนี้เริ่มมีเวลาว่างมากขึ้นเพราะการเทรดลงตัวแล้ว เลยมีเวลาเพิ่มเพื่อพัฒนาการเทรดและกลยุทธ์ให้มากกว่าเดิม และอาจจะขยับขยายไปสาย Algorithmic trading ที่สามารถทดสอบความเป็นไปได้ต่างๆแบบเชิงลึกได้ ซึ่งอาจจะทำให้ทำกำไรมากกว่าเดิมอีกด้วย
ปีที่ 5 ก้าวสู่เทรดเดอร์มืออาชีพ
เทรดเดอร์ที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก และสามารถทำกำไรในตลาดได้ในระยะยาวแล้ว เริ่มมีเวลามากขึ้น เริ่มปลีกตัวไปเป็น Freedom trader อาจจะสายเที่ยวไปเทรดไป มีเวลาทำตามความฝันมากยิ่งขึ้น
การเทรดจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เราจึงมีเวลามากขึ้น ดูแลคนที่เรารัก ครอบครัวเรา คนรอบข้าง
อย่างผมที่เข้ามาเป็นเทรดเดอร์ก็อยากมีอิสระภาพทางด้านเวลาและการเงิน เพื่อเป้าหมายของผมคือมีเวลาไปเที่ยวที่ต่างๆ ในโลกของเรา และสิ่งที่สนับสนุนเหล่านี้คือรายได้จากการเทรด
สรุป
การที่จะเปลี่ยนตัวเองจากเทรดเดอร์มือใหม่ไปเป็นมืออาชีพนั้น ต้องใช้เวลา ความพยายาม อย่างถูกที่ถูกเวลา และไม่เสียเวลาไปตามเหล่าคนที่หากินจากการสอนเทรดหรือ IB ควรเรียนรู้จากคนที่เทรดจริง มีรายได้จากการเทรดจริงๆ ไม่ใช่จากค่าคอร์สหรือการทำ IB
ในไทยเราก็มีอาจารย์หลายท่านที่สอนดี ใช้ได้จริง ดังนั้นแล้ว ต้องดูว่าสิ่งที่เขาสอนเราสามารถนำมาใช้หรือประยุกต์อะไรได้บ้าง
หรือถ้าเป็นการเรียนแบบแนวผม ผมจะเน้นอ่านหนังสือเกี่ยวกับการเทรดของเครือ Nsix หนังสือกลุ่ม Market Wizard ส่วนระบบเทรดผมจะศึกษาจากระบบในอินเตอร์เน็ตหรือในบอร์ดของต่างประเทศ นำมาทดสอบและหาค่าความน่าจะเป็นระบบทั้งหมด อีกที
ส่วนเรื่ององค์ความรู้ก็พยายามหาข้อมูล ศึกษาจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือซึ่งในไทยเราก็มีและต่างประเทศก็มีเยอะกว่า องค์ความรู้ในต่างประเทศบางเรื่องเป็นสิ่งที่มีมานานแล้วแต่ในไทยเราเพิ่งเข้าถึงก็มี ดังนั้นหากต้องการองค์ความรู้ใหม่ๆ ควรมีสกิลภาษาอังกฤษ แล้วไปติดตามบอร์ดของฝรั่ง เพราะที่โน่นจะมีเรื่องใหม่ๆสำหรับเรามากและเขาไม่กักหรือหวงข้อมูลด้วย มีทั้งการวิจัย การรีเสิร์ช ทดสอบทดลองและวัดผลอย่างชัดเจน
ในเรื่องตัวชีวัดหรือ Indicator ต่างๆ เราไม่ควรเอามาใช้ทันที เพราะการทำอย่างนั้นมันไม่เกิดประโยชน์และเราไม่สามารถปรับแต่ค่าของมันได้ ยกตัวอย่างเช่น Indicator RSI มันถูกพัฒนามาจากอะไร ค่าของมันคืออะไร ใครเป็นผู้พัฒนา เหมาะกับสถานการณ์แบบไหนถึงควรใช้ ผมจะไม่เอาแค่ ตัด 70 30 แล้วเข้าซื้อขาย อะไรอย่างนี้ เราต้องหัดตั้งคำถามว่า 70 30 นั้นคือค่าที่พัฒนาสำหรับตลาดไหน หากเราจะมาปรับใช้งานในตลาด forex ก็คงต้องทดสอบค่าใหม่ว่าค่าไหนที่จะเหมาะกับค่าเงินที่เราเทรดอยู่ แล้วเราเอาไปประกอบกับ Indicator ตัวไหนได้บ้างเพื่อจะให้การเข้าซื้อมีความแม่นยำ เสถียรกว่าเดิม
เมื่อศึกษาไปเรื่อยๆ หนทางที่จะทำให้ประสบความสำเร็จใน 5 ปีก็ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วครับ