กราฟบิทคอยน์ วิเคราะห์เป็นเห็นกำไร

เคยสงสัยไหม กราฟบิทคอยน์มีวิธีวิเคราะห์อย่างไร แตกต่างจากกราฟในตลาดอื่น ๆ ไหม มองเผิน ๆ รูปร่างหน้าตากราฟก็เหมือนกับกราฟตลาดหุ้นทั่ว ๆ ไป แต่เชื่อไหมว่ากราฟบิทคอยน์ มีปัจจัยอื่น ๆ ที่ควรนำมาวิเคราะห์ร่วมด้วย เพื่อให้เข้าใจและเห็นภาพที่ชัดเจน ตามาดูกันเลย

การวิเคราะห์กราฟบิทคอยน์ สามารถวิเคราะห์ได้เหมือนตลาดหุ้นทั่วไป แต่จะมีเพียงวิธีเข้าซื้อขาย และปัจจัยบางอย่างของบิทคอยน์เท่านั้นที่แตกต่างออกไป จะเห็นได้ว่า การวิเคราะห์เพื่อหาจุดเข้าซื้อ ถือ หรือขายเพื่อทำกำไร ตลาดหุ้น Forex หรือตลาดใด ๆ ก็ตาม จะมีการวิเคราะห์ได้ 2 รูปแบบ คือปัจจัยพื้นฐานและทางเทคนิค

ส่วนกราฟกราฟบิทคอยน์ แน่นอนว่าหลัก ๆ ส่วนใหญ่จะเน้นที่การวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค แต่ก็จะทิ้งข่าวสารที่สำคัญ ที่มีความเกี่ยวข้องกับบิทคอยน์ไปไม่ได้เลย ข่าวสารเหล่านี้ ก็นับว่าเป็นพื้นฐานของบิทคอยน์เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นสถาบันใหญ่ ๆ เข้าซื้อ หรือนักลงทุนดัง ๆ เข้าเทขาย

เพราะยังถือว่าอยู่ในช่วงที่มีการเปลี่ยนผ่าน การใช้จ่ายเงินตราในรูปแบบธรรมดาทั่วไป เข้าสู่สังคมแบบไร้เงินสดเต็มรูปแบบ อาจจะเห็นได้ในไม่กี่ปีข้างหน้าที่ผู้คนจะใช้จ่ายผ่านแอพ หรือซื้อสินค้าด้วยบิทคอยน์ ทั้งแนวคิด มุมมอง ของนักลงทุนที่มีชื่อเสียงในตลาด ๆ อื่น ๆ ที่ค่อย ๆ ให้การยอมรับและทุ่มเงินเพื่อซื้อสกุลเงินดิจิทัลไว้ในครอบครอง สิ่งเหล่านี้นับว่าเป็นปัจจัยพื้นฐานของบิทคอยน์ทั้งสิ้น

แนวทางในการวิเคราะห์กราฟบิทคอยน์

1. มองให้ภาพใหญ่ก่อนเสมอ ไม่ว่าตลาดหุ้น Forex หรือกราฟบิทคอยน์ ควรที่จะมองในภาพใหญ่ก่อนเสมอ เพราะสิ่งนี้เป็นสิ่งที่สะท้อนมุมมองของตลาด หรือนักลงทุนส่วนใหญ่ ที่จะทำให้เห็นตลาดทั้งระบบ ที่มีทั้งนักลงทุนระยะสั้น กลาง ยาว มีทิศทางและมุมมองเป็นอย่างไร และแน่นอนว่าตลาดคริปโตเคอเรนซี่ สามารถซื้อขายและเปลี่ยนได้ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ หรือไม่มีวันเปิด-ปิดทำการนั่นเอง ยิ่งจะต้องมองให้กว้าง เพื่อที่จะได้เห็นแนวโน้มของตลาดที่กำลังเป็นอยู่ได้อย่างชัดเจน

2. แนวรับแนวต้าน จะมองข้ามไปไม่ได้ เพราะเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้เห็นว่า บริเวณไหนที่มีนักลงทุนรอซื้อหรือรอขาย ด้วยตลาดนี้เป็นตลาดที่ใหญ่มาก ๆ เม็ดเงินที่นักลงทุนรายย่อยนำไปซื้อหรือขาย นับว่าน้อยมาก ๆ ไม่มีแรงพอที่จะขยับกราฟได้เลย ดังนั้น จุดเข้าซื้อก็ควรที่จะเป็นบริเวณที่ผู้คนส่วนใหญ่รอซื้อเช่นเดียวกัน มองภาพใหญ่ วิเคราะห์ให้เหมือนคนส่วนใหญ่ เข้าให้คล้ายคนส่วนใหญ่ คือการเล่นทางเดียวกับเทรน

3. กราฟแท่งเทียน หรือ Price action ที่หลาย ๆ คนรู้จัก แต่นอนว่าแท่งเทียนเพียง 1 แท่ง สามารถบอกอะไรกับนักลงทุนได้อย่างหลากหลาย สามารถนำมาใช้กับบิทคอยน์ได้เช่นกัน ส่วนใหญ่ใช้เพื่อการตัดสินใจขั้นตอนสุดท้าย ไม่แนะนำให้ใช้หรือตัดสินใจด้วยแท่งเทียนเพียงอย่างเดียว

4. ข่าวสารและความเคลื่อนไหว ของนักลงทุนที่มีชื่อเสียง กองทุน ในตลาดทุนอื่น ๆ ที่เข้ามาซื้อขายบิทคอยน์ สิ่งนี้จะมองข้ามไม่ได้เลย จะทำให้ทราบแนวโน้มหรือทิศทางของกราฟ และที่สำคัญอาจจะเป็นปัจจัยที่ทำให้กราฟวิ่งแรงสูงสุดในแต่ละวันก็เป็นได้ หากว่ายังไม่มีบิทคอยน์ถือ แต่มีข่าว ควรรอจังหวะในการเข้าซื้อใหม่ แต่ถ้าได้ซื้อไว้แล้ว ก็ไม่ควรที่จะรีบขายทำกำไรในช่วงที่มีข่าวดี ๆ แบบนี้ออก เพราะสิ่งนี้จะทำให้กำไรเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

ในทุกตลาดทุน ส่วนใหญ่มักจะใช้กราฟทางเทคนิคในการวิเคราะห์และตัดสินใจ กราฟบิทคอยน์ก็เช่นกัน การวิเคราะห์กราฟเสมือนเป็นภาษาที่เป็นสากล ถ้าทำความเข้าใจและฝึกฝนให้มากแล้ว ไม่ว่าตลาดอะไรก็สามารถนำไปปรับใช้ได้ อีกทั้งยังเป็นภาษาที่ผู้คนอาศัยอยู่คนละซีกโลก เห็นพ้องต้องกันได้ เดี๋ยวเพียงกราฟเพียงกลุ่ม หรือแท่งเทียนเพียงแท่งเดียว

การวิเคราะห์กราฟบิทคอยน์ จึงไม่ใช่อะไรที่ลึกลับซับซ้อนมากนัก เพียงแค่มีบางสิ่งที่แตกต่างจากตลาดอื่น ๆ เช่น วิธีการซื้อขาย ที่นักลงทุนจะต้องไปทำความเข้าใจเพิ่มเติม เพราะแต่ละโบรกเกอร์ก็ล้วนมีแพลตฟอร์มเป็นของตัวเอง มีวิธีเปิดปิดออเดอร์ที่ไม่เหมือนกัน แต่สิ่งที่มีเหมือน ๆ กัน นั่นก็คือกราฟที่อ้างอิงจากตลาด ตัวเดียวกัน

เพียงแค่อ่านกราฟบิทคอยน์ สกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ ก็สามารถอ่านได้และใช้เป็นเช่นเดียวกัน ทุกสกุลเงินมีขึ้นมีลงเหมือน ๆ กัน แต่จะแตกต่างกันที่นิสัยของสกุลเงินนั้น ๆ จะมีการเคลื่อนที่ไม่เหมือนกัน สกุลเงินไหนที่ได้รับความนิยมแสดงว่ามีนักลงทุนเข้ามาในสกุลเงินนั้นเป็นจำนวนมาก ก็ยากที่จะควบคุมหรือปั่นราคาจากรายใหญ่ ถ้าเป็นสกุลเงินที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ ยังไม่ค่อยมีนักลงทุนให้ความสนใจมากนัก แน่นอนว่าก็อาจจะมีรายใหญ่ปั่นราคาได้เช่นกัน ด้วยการสร้างกระแสข่าว หรือมีวิธีการต่าง ๆ นา ๆ

แต่สิ่งหนึ่งที่สบายใจได้นั่นก็คือ บิทคอยน์เป็นอิสระจากธนาคารหรือรัฐบาล 100% ดังนั้นเป็นเรื่องยากที่จะถูกเข้าแทรกแซงราคาโดยที่ไม่เป็นธรรม เสมือนกับค่าเงินในตลาด Forex บ่อยครั้งที่มีการเคลื่อนที่ของราคาด้วยนโยบายต่าง ๆ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

แต่ทั้งนี้ในระยะยาว ตลาดเงินดิจิทัล จะยังสามารถเติบโตไปได้อีกมากและจะเป็นไปตามกลไกของราคา 100% ดังนั้น ควรใช้โอกาสนี้ หาจังหวะเข้าซื้อ ถือ หรือขาย เศรษฐีคนต่อไป อาจเป็นคุณ