รู้หรือไม่ว่า Candlestick Pattern มีรูปแบบให้จดจำมากมาย แต่ที่ง่ายกว่านั้นก็คือ การเทรดแบบไม่ต้องท่องจำ และสามารถวิเคราะห์ได้แบบแม่นยำทันด่วน ไม่ต้องเสียเวลาเปิดตำราดูกราฟ ว่ารูปแบบนี้ชื่ออะไรมีลักษณะอย่างไร แต่เข้าใจสิ่งนี้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
Candlestick Pattern สำคัญอย่างไร ต่อเทรดเดอร์
Candle stick Pattern หรือรูปแบบแท่งเทียนที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่นิยมใช้วิเคราะห์ราคา ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบต่อเนื่องหรือกลับตัว ถ้ามีความเข้าใจก็จะสามารถวิเคราะห์ได้อย่างไม่ยาก เพราะกราฟแท่งเทียนสามารถบอกข้อมูลได้หลากหลาย และข้อมูลเหล่านั้นมักจะเป็นข้อมูลที่หลาย ๆ คนมองข้ามไป
จะเห็นได้ว่า Candlestick Pattern มีหลายรูปแบบ ทั้งที่เกิดขึ้นบ่อยและนาน ๆ จะพบได้สักหนึ่งครั้ง แต่ถ้าเข้าใจการเคลื่อนที่ของราคา อาจจะไม่จำเป็นต้องท่องจำอีกต่อไป หรือจำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะรูปแบบของแท่งเทียนกลับตัวก็ไม่ใช่ว่าจะกลับตัวเสมอไป
เพราะมีปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ที่เทรดเดอร์อาจจะยังไม่รู้ เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของราคา หรือการกลับตัว ดังนั้นจึงแนะนำว่าให้ทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งถึงการเคลื่อนที่ของราคา ยังไงก็ได้ผลดีกว่าท่องจำ
จะเห็นได้ว่าเทรดเดอร์หลายคนที่เทรด มีคำกล่าวอ้างว่ามีโอกาสกลับตัวมากถึง 80% แต่ทำไมเมื่อเข้าเทรดจริง ๆ ไม่กลับตัวไปตามทิศทางที่คาดการณ์ไว้ จนบางครั้งดูเหมือนกราฟกำลังเล่นตลกเพราะทุกครั้งที่เทรดก็ไม่เป็นไปตามคาดการณ์ แต่เมื่อไม่เทรดกลับวิ่งไปตามทิศทางของแท่งเทียน
เหตุผลที่ทำให้กราฟไม่กลับตัวมีดังนี้
1. Candle stick Pattern เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มีการประกาศตัวเลขที่สำคัญ และตัวเลขที่ออกมาส่งผลลบกับทิศทางของราคา
2. ไทม์เฟรมที่ใช้วิเคราะห์ แน่นอนว่าถ้าเทรดในไทม์เฟรมที่เล็ก โอกาสที่จะเกิด ก็จะมีบ่อยขึ้น และยิ่งมีบ่อยขึ้นก็มีโอกาศผิดพลาดก็จะยิ่งมากยิ่งขึ้น
3. ช่วงเวลาของตลาด เนื่องจากปริมาณซื้อขายน้อยทำให้เกิดรูปแบบกลับตัวแต่กราฟไม่มีแรงพอที่จะไปต่อตามรูปแบบนั้น ๆ
และนี่คือสาเหตุที่ทำให้ไม่เกิดการกลับตัวหรือไม่เป็นไปตามที่ทิศทางที่คาดการณ์ไว้ และถ้าเทรดเดอร์ไม่เข้าใจ ปัจจัยที่อาจจะส่งผลดังกล่าว ถือว่าเป็นเรื่องยากที่จะสามารถทำกำไรจากรูปแบบแท่งเทียนเหล่านี้
วิธีเทรดแบบไม่ต้องจำถ้าอยากเทรดแบบไม่ต้องท่องจำแล้วละก็ จงทำความเข้าใจว่าการเคลื่อนที่ของราคา แท่งเทียน 1 แท่ง สามารถบอกอะไรได้บ้าง
– ราคาเปิด ราคาปิด
– จุดสูงสุด จุดต่ำสุด
– เนื้อเทียนบอกความแรงของแท่งเทียน
ถ้าเทรดเดอร์เข้าใจการเคลื่อนที่ของราคาตามทฤษฎีดาว โดยเชื่อว่าการเคลื่อนที่จะมีเพียง 2 แนวโน้มคือ แนวโน้มขาขึ้น และแนวโน้มขาลง อีกรูปแบบหนึ่งคือไม่มีแนวโน้ม หรือที่หลาย ๆ คนเรียกว่าไซด์เวย์
Candle stick Pattern หรือรูปแบบแท่งเทียน ก็เกิดจากการเคลื่อนที่ของราคาและบันทึกราคาเปิด ราคาปิด จุดสูงสุด จุดต่ำสุด ไว้ในรูปแบบแท่งเทียน เช่น เทรดเดอร์คนหนึ่งเทรดโดยจำรูปแบบของแท่งเทียน เห็นแท่งเทียนเต็มแท่งเขียวยาว มั่นใจว่ากราฟเป็นเทรนหรือมีแนวโน้มแน่นอน จึงเปิดออเดอร์อย่างหนัก แต่ท้ายที่สุดกราฟไม่เป็นไปตามทิศทางที่คาดไว้ จึงทำให้เทรดแพ้และเสียในที่สุด
ในระหว่างเดียวกันเทรดเดอร์อีกคน เห็นแท่งเทียนเต็มแท่งเขียวยาว จึงทำการย่อกราฟลงไปดู จึงเห็นว่าในช่วงเวลานั้นมีความผันผวนสูง กราฟในไทม์เฟรมเล็กเป็นไซด์เวย์ที่มีความผันผวน และแน่นอนว่ามีโอกาสที่กราฟจะไม่วิ่งต่อ จึงทำให้ครั้งนั้นไม่เข้าเทรดจึงไม่เสียและอย่างน้อยก็รักษากำไรไว้ได้
วิธีวิเคราะห์แท่งเทียนแบบไม่ต้องท่องจำ
1. ย่อไปดูไทม์เฟรมที่เล็กกว่า จะทำให้เทรดเดอร์เห็นได้ว่ากราฟเป็นเทรนหรือมีแนวโน้มที่ชัดเจนหรือไม่ เพราะบางครั้งเห็นแท่งเทียนเต็มแท่งยาว อาจจะไม่ใช่สัญญาณที่จะบอกว่าไปต่อก็ได้
2. ไส้เทียน จุดต่ำสุดหรือจุดสูงสุด เสมือนแนวรับแนวต้านในไทม์เฟรมเล็ก ๆ ยิ่งทิ้งไส้ยาวนั่นแสดงว่าแนวรับแนวต้านนั้น มีนัยสำคัญ เพราะมีแรงซื้อหรือแรงขายเยอะพอสมควร
3. ทุก ๆ การกลับตัวจะมีรูปแบบการเปลี่ยนแนวโน้มเสมอตามทฤษฎีดาว เช่น ในไทม์เฟรมเล็ก กราฟเป็นแนวโน้มขาขึ้น หลุดแนวรับและไม่สามารถกลับขึ้นไปทำ new high ได้ หรือในแนวโน้มขาลง กราฟทะลุแนวต้านและไม่สามารถกลับมาทำ new low ใหม่ได้ นี่คือสัญญาณของการกลับตัวในไทม์เฟรมเล็ก และส่งผลให้เป็นรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวในไทม์เฟรมใหญ่
เพียงเท่านี้ก็ไม่จำเป็นต้องจดจำอีกเลย เพราะการจดจำเป็นเพียงการเทรดจากรูปแบบที่เกิดขึ้น แต่ไม่ใช่การเทรดจากพฤติกรรมจริง ๆ การย่อกราฟดูการวิ่งของราคาจึงเป็นสิ่งที่ชัดเจนที่สุด
การเทรดด้วย Candlestick Pattern มีหลากหลายรูปแบบที่ให้จดจำ จะเห็นได้ว่าแค่เพียงเข้าใจ ก็ไม่จำเป็นต้องจดจำอีกเลย การเคลื่อนที่ของราคาในปัจจุบันเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุด เพราะการเทรดจะต้องเทรดจากสิ่งที่กราฟ และการเทรดจะง่ายขึ้นมาก และเมื่อฝึกฝนในการดูการเคลื่อนที่ของราคา ไม่นานแค่มองแว๊บเดียว ก็จะรู้เลย